เวลาที่คนเราเดินทางไปในแต่ละที่ ก็จะต้องมีการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอให้ตัวเองปลอดภัย และเมื่อไปถึงสถานที่นั้น ๆ
ก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำถิ่นให้สักการะอีก จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่คู่กับคนไทยเสมอ
โดยสิ่งที่เห็นได้ชัดอย่างหนึ่งก็คือ รอยพระพุทธบาท ที่หลายคนให้ความนับถือ แล้วก็ต้องบุกป่าฝ่าดงขึ้นไป
ขอบคุณภาพจาก : th.tripadvisor
ถ้าพูดถึงสถานที่ประดิษฐานของ รอยพระพุทธบาท ที่ดัง ๆ ก็ไม่พ้นใน “จ. สระบุรี” แล้วก็ยังมี
“เขาคิชกูฏ จ. จันทบุรี” ที่เปิดให้ขึ้นเป็นช่วงระยะเวลา แต่รู้หรือไม่ว่านอกจากที่ว่ามาแล้ว จังหวัดภาคเหนือ
อย่าง “ลำปาง” ก็มี รอยพระพุทธบาท อยู่ที่ “วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์” ด้วยเช่นกัน
ประวัติความเป็นมา
กว่าที่จะได้วัดนี้ก็ต้องเล่า ประวัติความเป็นมา ก่อน โดยการก่อสร้างเริ่มจาก คณะสงฆ์ ที่ต้องการน้อมรำลึก
ถึงรัชกาลที่ 4 เลยมีมติให้ก่อสร้างวัดขึ้น แล้วหลังจากนั้นก็ได้มีการพัฒนาให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น
นับเป็นอีกวัดหนึ่งที่ช่วยให้คนรุ่นใหม่รู้จักเข้ามาสร้างบุญ แถมยังได้ภาพสวย ๆ กลับไปด้วย
ขอบคุณภาพจาก : th.tripadvisor
การแบ่งพื้นที่
การแบ่งพื้นที่ ของวัดถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ พื้นที่ด้านบน เป็นที่ประดิษฐาน รอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่
ถึง 3 รอย แล้วก็มี พระพุทธรูปสำหรับการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ส่วน พื้นที่ด้านล่าง
มีกุฏิ, ศาลา, โบสถ์, พระบรมเจดีย์, โรงครัว, เรือนพักรับรอง ฯลฯ ซึ่งมีการออกแบบได้อย่างกลมกลืน
การขึ้นไปสักการะรอยพระพุทธบาท
ความศรัทธาเป็นการยึดเหนี่ยวจิตใจได้เป็นอย่างดี เพราะ การขึ้นไปสักการะรอยพระพุทธบาท นั้น
ค่อนข้างที่จะลำบาก แต่ถ้าใครที่มีความตั้งใจเต็มเปี่ยมก็อย่าลืมพกน้ำดื่มกับเสบียงติดไปด้วย
แล้วบอกก่อนว่าใครที่นำรถไปเองควรจะใช้รถกระบะ เนื่องจากทางขึ้นมันมีความสูงชันมาก
ขอบคุณภาพจาก : th.tripadvisor
ดอยภูผาโชค
หลังจากที่ สักการะรอยพระพุทธบาท สมความตั้งใจแล้ว บริเวณใกล้ ๆ กันก็ยังสามารถขึ้นบันไดเหล็ก
มาที่ “ดอยภูผาโชค” ซึ่งเป็นที่ตั้งของ พระบรมเจดีย์ กับ รอยพระพุทธบาทขนาดเล็ก
หากไม่มีรถยนต์ส่วนตัวจะใช้บริการของที่นี่ก็ได้ด้วยเงินคนละ 60 บาท
สรุป
สำหรับใครที่ชอบการเดินทางแบบลุย ๆ หน่อย “วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์”
ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าเก็บไว้เป็น Collection เพราะนอกจากจะได้วัดความอดทนของตัวเองแล้ว
ก็จะยังได้เสพกับบรรยากาศสวย ๆ จาก จุดชมวิว บนยอดเขาที่ดูแล้วฮีลใจสุด ๆ เลยล่ะ
ที่มา : touronthai
นักเขียน : Benjawirar