แช่ออนเซ็นเมืองไทยในบ่อน้ำพุร้อนฝาง

เมืองไทยขึ้นชื่อเป็นเมืองที่ร้อนมากถึงมากที่สุด ดังนั้น การหาที่คลายร้อนจึงเป็นเรื่องที่ปกติที่ใคร ๆ ก็ทำกันทั้งนั้น

อย่างบางคนพอจะมีฐานะหน่อยก็อาจเปิดแอร์ได้ทั้งวันแบบไม่ต้องคิดถึงค่าไฟ ในขณะที่บางคน

ก็อาจเลือกการเดินห้างเพื่อใช้แอร์สาธารณะ ซึ่งการเลือกวิธีต่าง ๆ ก็แล้วแต่ความสะดวกของคน ๆ นั้น

ขอบคุณภาพจาก : wongnai

ส่วนเมืองที่ไม่ดีมีอากาศร้อนตลอดเวลาอย่างญี่ปุ่น หรือเกาหลี เขาจะมีวิธีการคลายหนาวมากกว่า

อย่างเช่น การมีเตาผิงไว้ในบ้าน ซึ่งถ้าเป็นเมืองไทยไม่น่าเป็นของจำเป็น แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ไปเที่ยวทางเหนือ

แล้วเจออากาศหนาวขึ้นมาก็สามารถ “แช่ออนเซ็นเมืองไทยในบ่อน้ำพุร้อนฝาง” ที่ “จ. เชียงใหม่” ได้นะ

สถานที่ตั้ง

ซึ่ง สถานที่ตั้ง ของมันอยู่ในพื้นที่ของ “อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก” ที่มีพื้นที่กว้างขวางถึง 10 ไร่

แล้วมี “บ่อน้ำพุร้อน” นับได้กว่า 50 บ่อ และอุณหภูมิแต่ละบ่อมีค่าเฉลี่ยประมาณ 30 – 80 องศาเซลเซียส

หากใครที่อยากรู้ว่ามันโดดเด่นยังไง ให้ดู น้ำพุร้อน ที่พุ่งขึ้นมาในระดับ 30 เมตรขึ้นไป แถมยังร้อนมากด้วย

ขอบคุณภาพจาก : wongnai

การเกิดบ่อน้ำพุร้อน

การเกิดบ่อน้ำพุร้อน เป็นการเกิดโดยธรรมชาติสร้างสรรค์ โดยเริ่มมาตั้งแต่น้ำในชั้นใต้ดิน

ไหลผ่านลาวาเข้าใกล้ชั้นเปลือกโลก จนทำให้น้ำมีอุณหภูมิสูงขึ้น แล้วก็ไหลผ่านรอยแยกต่าง ๆ จนผุดขึ้นมา

กลายเป็น น้ำพุร้อน ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเกิดในภาคเหนือเป็นส่วนมาก นอกจากได้ แช่ออนเซ็น แล้วยังได้ความรู้อีก

การทำกิจกรรม

ใครว่ามาถึง “บ่อน้ำพุร้อน” แล้วจะต้องแช่น้ำอย่างเดียว จริง ๆ แล้วที่นี่ยังมี การทำกิจกรรม แบบอื่นให้ทำ

เช่น การต้มไข่ ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถสุกได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว เพราะมันมีความร้อนในระดับนั้นเลย

หรือไม่ก็ ศึกษาเส้นทางธรรมชาติบ่อน้ำพุร้อน ก็มีให้เลือกทำหลายอย่าง

ขอบคุณภาพจาก : wongnai

การให้บริการ

สำหรับใครที่ต้องการแวะค้างแรม “อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก” ก็มี การให้บริการ บ้านพัก

หรือถ้าจะกางเต็นท์ก็สามารถแจ้งได้ โดยเวลาที่เปิดเริ่มตั้งแต่ 07.30 น. – 19.00 น. ส่วนราคา

แบ่งเป็นคนไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท / เด็ก 10 บาท และชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท / เด็ก 100 บาท

การเดินทาง

หากใครต้องการที่จะมาผ่อนคลาย ก็สามารถ เดินทาง มาจากตัวเมืองแล้วก็ตรงมาที่ “อ. ฝาง”

ซึ่งหาได้ไม่ยาก เพราะถ้าเข้ามาในเขตนี้แล้วก็จะมีป้ายบอกทางอยู่ แต่ถ้าใครไม่ชัวร์

จะเปิด GPS หรือว่าจะโทรถามเส้นทางกับ “อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก” มาเรื่อย ๆ ก็ได้

ที่มา : travel.trueid

นักเขียน : Benjawirar