Banner Travelgogogo

อัศจรรย์ จังหวัดบึงกาฬ จากสัตว์เลื้อยคลานสู่หินพิศวง

จังหวัดบึงกาฬ

ขอบคุณรูปภาพจากเว็บไซต์ i-san.tourismthailand

          จังหวัด บึงกาฬ เป็นจังหวัดใหม่ ซึ่งเป็นจังหวัดลำดับที 77 ของประเทศไทย  หลาย ๆ คน อาจจะยังไม่คุ้นชินกับจังหวัด บึงกาฬ มากนัก และยังไม่รู้ว่าจังหวัด บึงกาฬ อยู่ทางภาคไหน ความจริงแล้วจังหวัด บึงกาฬ เป็นจังหวัดที่อยู่ทางภาคอีสานของไทย

 

          ซึ่งก่อนจะแยกออกมาเป็นจังหวัด เคยเป็นหนึ่งในอำเภอของจังหวัดหนองคาย  ดังนั้น ในปัจจุบัน จังหวัด บึงกาฬ จึงอยู่ติดกับจังหวัดหนองคาย จังหวัดสกลนคร และจังหวัดนครพนม ซึ่งสาเหตุที่แยก บึงกาฬ ออกมาเป็นจังหวัด ก็เพราะจะได้มีการจัดระเบียบของการปกครองต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากจังหวัด บึงกาฬ อยู่ติดชายขอบของประเทศไทยพอดี

ถ้ำนาคา

ขอบคุณรูปภาพจากเว็บไซต์ sanook

          หากคุณคิดว่าจังหวัดใหม่ ๆ จะไม่มีอะไรเที่ยว คุณคิดผิดแล้วล่ะ เพราะล่าสุด จังหวัด บึงกาฬ กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากในเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว ที่แห่งนั้นก็คือ “ถ้ำนาคา”

 

          ที่แห่งนี้ มี หินลักษณะรูปร่างประหลาด ชวนพิศวง ด้วยความสวยงามของหินที่มีลายราวกับเกล็ดงู ดูน่าขนลุกชอบกล ใครได้มาเห็นกับตา ต่างกับคิดไปแบบเดียวกันว่า ครั้งหนึ่งหินก้อนนี้อาจจะเคยเป็นงูจริง ๆ ก็เป็นได้

         

          ตามความเชื่อของคนอีสาน มักจะเชื่อกันเรื่อง พญานาค  คนอีสานส่วนใหญ่นับถือ พญานาค อย่างมาก พวกเขาเชื่อว่า พญานาค มีที่อยู่คือใต้บาดาล และจะปรากฏตัวให้ผู้มีบุญเห็นเท่านั้น

 

           และยังเชื่อกันว่า พญานาค คือสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งและโชคลาภ  ดังนั้น ในทุก ๆ ปีจึงมี ประเพณีบูชาพญานาค เห็นได้จากประเพณี บุญบั้งไฟพญานาค ที่คนทั้งภาคอีสานรวมทั้งนักท่องเที่ยวจากภาคอื่น ๆ จะแห่กันไปดูความสวยงามริมแม่น้ำโขง ดูบั้งไฟที่พุ่งลอยขึ้นมาจากน้ำ แปลกและสวยงามจนยากจะอธิบาย

           

 

ถ้ำนาคา

ขอบคุณรูปภาพจากเว็บไซต์ thailandstack

          “ถ้ำนาคา” ก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่คนอีสานเชื่อว่ามี พญานาค เช่นกัน ด้วยลักษณะของ หินที่ดูเหมือนเกล็ดงู และหินเหล่านั้นก็มีรูปร่างคล้ายกับงูกำลังนอนขดตัวอยู่

 

          ที่แปลกไปกว่านั้นคือ มีส่วนต่าง ๆ ของงูอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะ ลำตัวหรือหัว ดูราวกับว่า หินเหล่านี้เคยเป็นพญานาคหรืองูจริง ๆ

        

            หากมองตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว หินเหล่านี้เกิดจากการกัดกร่อนมานาน การกัดเซาะของน้ำทำให้หินเกิดเป็นลายเหมือนกับเกล็ดงู และเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศระหว่างกลางวันและกลางคืน จึงทำให้หินเหล่านั้นมีลวดลายที่เหมือนกับสี่เหลี่ยมถี่ ๆ เรียงกันไป

         

ถ้ำนาคา

ขอบคุณรูปภาพจากเว็บไซต์ thairath

          ทั้งนี้ แม้จะมีหลักทางวิทยาศาสตร์มาอ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าความเชื่อบางอย่างก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ ดังนั้น ความจริงจะเป็นอย่างไรก็ไม่อาจมีใครรู้ ไม่แน่ว่า หินงูเหล่านี้ อาจจะเป็นเรื่องจริงอย่างที่คนท้องถิ่นเชื่อก็เป็นได้

 

          หากใครอยากขึ้นไปดูหินงูให้เห็นกับตาแล้วล่ะก็ บอกก่อนว่า อาจจะต้องเตรียมร่างกายไปให้พร้อมสักนิด เพราะคุณจะต้องขึ้นบันไดไปกว่าพันกว่าขึ้น ถึงจะได้พบกับความอัศจรรย์ของ บึงกาฬ แห่งนี้