ถ้าพูดถึงเรื่องของ การทำสงคราม แล้วย่อมไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นมาอีกรอบเป็นแน่
เพราะมันหมายความว่าจะต้องเกิดการสูญเสียขึ้นทั้งสภาพบ้านเมืองกับตัวบุคคล ถ้าใครอยากเห็นว่าผลเสีย
ของ สงคราม เป็นยังไงแล้วกระทบกับอะไร งั้นจะ “ชวนไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2” ที่ “จ.กาญจนบุรี” กัน
ขอบคุณภาพจาก : travelgogogo
ประวัติความเป็นมา
โดย ประวัติความเป็นมา ของ “พิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2” เกิดมาจากความคิดของ
เจ้าอาวาส วัดไชยชุมพลชนะสงคราม นามว่า เจ้าคุณพระเทพปัญญาสุธี ที่เป็นผู้จัดตั้งขึ้น เนื่องด้วยต้องการจะให้
เป็นที่ระลึกถึงเหล่าเชลยศึก ที่ต้องสังเวยชีวิตไปอย่างมากมายให้กับ การสร้างทางรถไฟสายมรณะ
ถ้าหากใครอยากรู้จำนวนของเชลยศึกที่เสียชีวิตไป ก็จะต้องไปนับไม้หมอนรถไฟทั้งหมดถึงจะรู้จำนวนที่แท้จริง
เพราะไม้หมอน 1 ไม้เท่ากับชีวิตเชลยศึก 1 คน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก ๆ แต่ก่อนเข้าไปตัวอาคาร
เราจะเห็น หัวจักรรถไฟ ที่เคยใช้งานจริงตระหง่านต้อนรับอยู่ด้านหน้า เอาเป็นว่าเดี๋ยวเข้าไปดูกันเลย
ขอบคุณภาพจาก : travelgogogo
1. “ศาลวีรชน” เป็นสิ่งแรกที่เห็นหลังจากเดินเข้ามา โดยศาลนี้จัดตั้งขึ้นเพื่อสดุดีทหารกล้าทุกนาย
ที่สละชีวิตใน สงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อปกป้องบ้านเมืองจากการรุกราน ซึ่งเราเองก็ควรทำความเคารพ
เพื่อเป็นการขอบคุณที่พวกเขายอมทิ้งเรื่องราวส่วนตัว แล้วไปให้ความสำคัญกับส่วนรวมจนต้องเสียชีวิตในสนามรบ
2. “อาคารจัดแสดงสิ่งของในสงคราม” เป็นส่วนของการจัดเก็บสิ่งของต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธมีด, ปืน,
ระเบิด, หมวกทหาร รวมไปถึงอุปกรณ์ดำรงชีวิตอย่างถ้วยชาม นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดง
หีบเหล็กที่ใช้เก็บศพจริง ๆ และตู้กระจกที่เอาไว้เก็บกระดูกเชลยศึก ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นของในช่วง สงครามโลกครั้งที่ 2
ขอบคุณภาพจาก : travelgogogo
3. “ที่พักของเชลยศึก” เป็นส่วนจัดแสดงที่อยู่อาศัยของเชลยศึก ที่ทำมาจากไม้ไผ่บวกกับหลังคามุงจากแบบง่าย ๆ
เพราะด้วยสมัยนั้นแล้วคนเหล่านี้ได้รับแต่ความลำบาก หากมีอะไรที่ทำผิดพลาดไปก็จะถูกจับไปขังในคุก
ที่สร้างขึ้นจากตู้รถไฟเก่า นอกจากนี้รอบ ๆ ก็ยังมีข่าวคราวของ สงคราม ติดให้ดูด้วย
การเดินทาง
การเดินทาง ไปที่ “พิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2” หาได้ไม่ยาก เพราะถ้าหากไปถึงที่ “สะพานข้ามแม่น้ำแคว” แล้ว
ก็สามารถไปต่อที่นี่ได้เช่นกัน เพราะสถานที่จัดตั้งอยู่ห่างกันไม่มาก จริง ๆ แล้วในสถานที่สำคัญแบบนี้
ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจอยู่อีกมาก ถ้าใครที่ว่างแล้วอยากจะรู้เรื่องราวเพิ่มเติมก็ไปเข้าชมได้เลย
ที่มา : Benjawirar
นักเขียน : Benjawirar